วันเสาร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

เจ็บ..แต่ไม่จำ



บางที . . . หัวใจก็ยอมเจ็บ
เพียงแลกกับ ความสุขเล็กๆ . . . มาเก็บไว้

บางที . . . เหนื่อยจนลุกขึ้นไม่ไหว
แต่ก็ยังพอใจ . . . กับสิ่งที่เป็น

บางที . . . แม้จะลำบากยากเข็ญ
แต่ก็ยอมเป็น . . . เบี้ยล่างหัวใจเธอ

อาการแบบนี้ใครไม่เป็น . . . ไม่รู้สึกจริงไหม
ส้ม
แจม
แมน
ดีคร่า..น้ำฝนนะคะ ปี3คณะวิทยาการสาขาGIsค่ะ เป็นคนร่าเริงค่ะคุยได้ทุกคน อนาคตตอนนี้ก้อยังไม่แน่ไม่นอน ปัจจุบันแค่อยากเรียนจบเร็วๆเท่านั้นเอง r.kiko_namfon@hotmail.com คุยได้ก่าทุกคนน๊าคร๊าฟ
สร้าง Comment ง่ายๆ ด้วยตัวคุณเอง..คลิ๊กที่นี่
เป่ย
คิน

Picture

ละครเรื่องโปรดคร๊าฟฟฟ

เคล็ดลับแต่งตัวพรางส่วนเกิน

เคล็ดลับแต่งตัวพรางส่วนเกิน
ถึงแม้เราจะไม่ได้เกิดมามีหุ่นเพอร์เฟค เหมือนอย่างลูกเกด ก็อย่าน้อยใจในโชคชะตาไปเลย บางคนอาจ จะขาใหญ่ไปนิด สะโพกบึ๊บบั๊บไปหน่อย เลิกกังวลกับปัญหารูปร่างที่ไม่ได้สัดส่วนได้แล้ว เพราะผู้หญิงสวยและฉลาด ไม่จำเป็นต้องมานั่งลดความอ้วนให้ยุ่งยาก ถ้าหากคุณรู้จักการแต่งตัวพรางส่วนเกินให้ถูกวิธี

สาวสะโพกใหญ่
กางเกงสีดำทรงพอดีตัว ไม่คับหรือหลวมเกินเหมาะมาก
เลือกหากระโปรงทรงเอไว้ใส่สะโพกจะดูเล็ก และพรางได้ดี แต่อยากใส่กระโปรงสอบควรเลือกที่พอดีไม่คับหรือหลวมเกิน และมีดีไซน์ที่ชายกระโปรงจะดึงจุดสนใจไปจากสะโพก
อย่าเลือกกางเกงที่มีเข็มขัดเพราะจะทำให้สะโพกดูกว้างมโหฬาร
ไม่ควรเลือกกางเกงหรือกระโปรงที่มีการตกแต่งที่เอว หรือสะโพก หรือมีสีอ่อนกว่าเสื้อเด็ดขาด
อย่าเลือกซื้อกางเกงหรือกระโปรงที่ใช้ผ้าหนาๆ เพราะจะทำให้สะโพกดูหนาปึ้กตามไปด้วย หรือผ้าแนบเนื้อกินไปก็ไม่ดี เพราะจะเห็นสะโพกใหญ่มหึมาชัดเจน
เลือกเสื้อแบบที่มีความยาวปิดช่วงสะโพกจะช่วยได้มาก

สาวไหล่ใหญ่
ใส่เสื้อที่เป็นคอวีเพื่อให้ดูไหล่แคบลง หรือ เสื้อที่มีไหล่ตามยาว เพื่อให้ดูไหล่ไม่กว้าง
หาอะไรกุ๊กกิ๊กมามีตกแต่งที่คอเสื้อเพิ่มเติม เช่น ผ้าพันคอหรือสร้อย นอกจากจะช่วยให้ไหล่ดูเล็กลง ยังดึงความสนใจจากไหล่ไปที่ผ้าแทนอีกด้วย
พยายามเลือกกางเกงหรือกระโปรงสีอ่อน แล้วใส่คู่กับเสื้อสีเข้มไหล่จะเล็กลงได้ดังใจ
อย่าใส่เสื้อผ้าที่เปิดเผยไหล่จนหมดเปลือก และไม่ใส่เสื้อแบบหลวมๆ หรือเสื้อที่มีฟองน้ำหนุนไหล่ จะยิ่งทำให้ไหล่หนาจนน่าเกลียด
อย่าใส่ช่วงบนเป็นสีอ่อนเด็ดขาด และที่สำคัญมากคือ ไม่ควรใส่เสื้อลายขวางเลย

สาวขาใหญ่
กางเกงสีดำทรงตรงตัวหลวม หรือกางเกงขาบานสีเข้มจะช่วยไม่ให้เห็นสัดส่วนของขาชัด หรือเลือกใส่ลายตามยาวสีเข้มๆ ก็ช่วยให้ดูขายาวแลเล็กลงได้
อย่าเลือกซื้อกางเกงสีอ่อนหรือกางเกงที่คับจนเห็นขาทั้งแท่ง เช่น กางเกงยีนผ้ายืด เพราะจะทำให้เน้นช่วงขาดูใหญ่ โดยเฉพาะต้นขา
เลือกใส่เสื้อสีอ่อน กับกางเกง หรือกระโปรงสีเข้มจะเหมาะมาก และถ้าจะให้ดีหาเสื้อแบบสายเดี่ยวเสียวหลุด หรือแขนกุดมาใส่เพื่อคนรอบข้างจะได้สนใจแต่ช่วงบนลืมช่วงล่างไปเลย
ใส่กระโปรงยาวทรงเปิดช่วงล่างไปเลยเพื่อตัดปัญหา แต่อย่าใส่กระโปรงที่ผ่าสูงจนเกินไป เดี๋ยวชาวบ้านจะตกใจนึกว่าท่อนอะไรแว๊บๆ

ไข้หวัดหมูหรือไข้หวัดเม็กซิโกแพร่ระบาด

การแพร่ระบาดของไข้หวัดหมู (Swine influenza) เป็นความสำเร็จก้าวสำคัญของสงครามระหว่างมนุษย์กับเชื้อโรค และเป็นการยืนยันความจริงที่ว่าโรคอุบัติใหม่-อุบัติซ้ำที่สำคัญและมีโอกาสคร่าชีวิตมนุษย์ ติดต่อได้กว้างขวาง เป็นโรคที่มาจากสัตว์สู่คนเกือบทั้งสิ้น แม้จะผ่านตัวกลาง เช่น ยุง ริ้น เห็บ หรือไม่ก็ตาม

พัฒนาการของเชื้อโรคที่จะเข้าสู่คน แบ่งเป็น 5 ระดับ คือ 1.เชื้อโรคอยู่ในสัตว์และไม่เคยติดต่อมายังคน เช่น เชื้อมาลาเรียในลิง (Relchenowl malaria) 2.มีการติดต่อจากสัตว์สู่คน แต่หยุดเพียงคนคนนั้น โดยไม่มีการแพร่จากคนสู่คน เช่น โรคพิษสุนัขบ้าจากสุนัข 3.เริ่มมีการข้ามสายพันธุ์ โดยไวรัสจากสัตว์ชนิดหนึ่งถ่ายทอดไปยังสัตว์อีกชนิดและแพร่ไปยังคน เช่น โรคอีโบล่า (Ebola) ที่มีแหล่งรังโรคในค้างคาวแพร่ไปยังลิง และส่งต่อถึงคน โดยมีการติดต่อจากคนสู่คน แต่อยู่ในวงจำกัด เนื่องจากโรคมีความรุนแรงมากในคนและผู้ติดเชื้อเสียชีวิตในเวลาอันรวดเร็วจนไม่สามารถส่งต่อไปคนอื่นๆ อีก 4.เชื้ออยู่ในสัตว์ได้หลายชนิด ขึ้นกับสภาวะภูมิอากาศ ความแห้งแล้ง หรืออุดมสมบูรณ์ เช่น ไวรัสในตระกูลไข้เลือดออก ไข้สมองอักเสบ โดยอาจแฝงในลิงหรือสัตว์ขุดรูต่างๆ และมียุงเป็นพาหะกัดคน และเมื่อคนมีจำนวนไวรัสหรือเชื้อโรคมากขึ้น ก็จะถูกยุงกัด และนำเชื้อไปให้คนอื่นอีก ซึ่งเห็นได้ชัดในโรคไข้เลือดออก และเป็นสาเหตุให้ต้องพยามกำจัดยุงในบริเวณบ้านคนที่เป็นไข้เลือดออก 5.มีวิวัฒนาการในสัตว์จนสุกงอม และติดต่อไปยังคน และติดเชื้อในคนได้อย่างสมบูรณ์กระทั่งมีการติดต่อระหว่างคนสู่คนได้สำเร็จ ไม่ต้องอาศัยสัตว์อีกต่อไป เช่น โรคเอดส์จากเชื้อ HIV ที่มีต้นกำเนิดมาจากลิงสำหรับไข้หวัดหมู พัฒนาการอาจอยู่ในระดับที่ 5 ซึ่งต่อจากนี้จะมีการแพร่ระหว่างคนสู่คน แต่จะมีประสิทธิภาพเพียงใดขึ้นกับการปรับตัวของไข้หวัดหมูในมนุษย์ โดยโรคนี้พบตั้งแต่ ค.ศ.1918-1919 ในช่วงที่ไข้หวัดใหญ่สเปน (Spanish Flu) มีการระบาดครั้งใหญ่ทั่วโลก แต่ผู้เสียชีวิตส่วนมากจะอายุ 20-40 ปี และตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป ซึ่งต่างจากไข้หวัดใหญ่ทั่วไป (Seasonal Flu) ที่เล่นงานเด็กเล็กและคนแก่เป็นส่วนมาก แต่คล้ายคลึงกับไข้หวัดหมูที่เราเผชิญอยู่ขณะนี้ ในช่วงนั้นมีการพบไข้หวัดในหมูเช่นกัน (J.S. Koen) และจวบจน ค.ศ.1930 จึงได้มีการแยกเชื้อได้ (Shope และ Davis) ไข้หวัดหมูยังเป็นหมูแท้ๆ อยู่อีก 80 ปี โดยไม่มีลูกผสมเป็น 3 เกลอ (พันธุกรรมหมู นก คน) ดังเช่นปัจจุบัน แต่ถึงกระนั้นก็ก่อให้เกิดโรคในคนอยู่เนืองๆ มากกว่า 50 ราย เช่น ในสหรัฐ 19 ราย เชโกสโลวะเกีย 6 ราย เนเธอร์แลนด์ 4 ราย รัสเซีย 3 ราย แคนาดาและฮ่องกงอีกแห่งละ 1 ราย โดยผู้ป่วย 61% มีประวัติสัมผัสหมูและมีอายุเฉลี่ย 24 ปี หลังจากนั้นใน ค.ศ.1974 ไข้หวัดหมู (ล้วน) มีการพัฒนาโดยเกิดโรคในค่ายทหาร (Fort Dix) ที่รัฐนิวเจอร์ซี่ (New Jersy) มีผู้ป่วย 13 ราย เสียชีวิต 1 ราย โดยที่อีก 230 ราย ติดเชื้อแต่ไม่มีอาการ หรือมีอาการแต่น้อยมาก ทั้งหมดนี้ไม่มีประวัติสัมผัสหมู ซึ่งแสดงว่าน่าจะมีการพัฒนาจนมีการติดต่อจากคนสู่คน การติดต่อในค่ายทหาร ทำให้มีการฉีดวัคซีนไข้หวัดหมูให้ประชาชนทั่วไป แต่พบว่าช่วงที่มีการฉีดวัคซีนมีผู้ป่วยเส้นประสาทอักเสบแขน ขาอัมพาต ทำให้ต้องล้มเลิกการใช้วัคซีน และข้อมูลสรุปของการเกิดอัมพาตอาจยังคลุมเคลือจนปัจจุบัน ใน ค.ศ.1988 มีผู้หญิงตั้งครรภ์เสียชีวิต โดยมีประวัติสัมผัสหมูในรัฐวิสคอนซิน (Wisconsin) และเริ่มสงสัยว่าไข้หวัดหมูอาจไม่ใช่พันธุ์หมูล้วน (classic H1N1) จวบจน ค.ศ.1998 จึงได้มีการพิสูจน์พบว่า หมูเลี้ยงในสหรัฐ มีไวรัสไข้หวัดหมูกลายพันธุ์ โดยมีพันธุกรรมผสมระหว่างหมู คน และนก เกิดสายพันธุ์ผสม (Triple assortant virus) H3N2, H1N2, และ H1N1 (วารสารโรคติดเชื้อ JID 2008) และสายพันธุ์ผสมนี้ยังพบได้ในเอเชีย และแคนาดาไข้หวัดหมูผสมสายพันธุ์ใหม่ พบได้ในประเทศสเปน (H1N1) เดือนพฤศจิกายน 2008 เป็นหญิงอายุ 50 ปี มีการไข้ ไอ เหนื่อย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ คันคอ และคันตา และหนาวสั่น ผู้ป่วยหายเองโดยไม่ต้องการการรักษาใดๆ โดยที่ผู้ป่วยทำงานในฟาร์มหมูและสัมผัสใกล้ชิดหมู ไม่มีคนใกล้ชิดในละแวกมีการติดเชื้อ ข้อสรุป ณ ขณะนั้น ยังไม่คิดว่าไข้หวัดหมูแม้เป็นสายพันธุ์ผสมแล้วจะมีอันตรายมากนัก (Eurosurveillance ฉบับ 19 กุมภาพันธ์ 2009) อย่างไรก็ดี เหตุการณ์เช่นนี้เคยเกิดมาก่อนในรัฐวิสคอนซิน วันที่ 7 ธันวาคม 2005 ชายอายุ 17 ปี มีอาการไข้หวัดใหญ่ แต่หายเองใน 3-4 วัน มีการติดเชื้อไข้หวัดหมูลูกผสม H1N1 โดยผู้ป่วยไม่ได้มีการสัมผัสกับหมูหรือไก่ที่บริเวณบ้าน และในระหว่างช่วงเดียวกันมีรายงานการติดเชื้อลูกผสมในแคนาดาใน ค.ศ.2005 และ 2007เห็นได้ว่าไวรัสไข้หวัดหมูมีการพัฒนาตัวเองมาตลอด แต่สิ่งที่ยากคือ หมูที่ติดเชื้อไม่จำเป็นต้องแสดงอาการเจ็บป่วยก็ถ่ายทอดเชื้อได้ สำหรับหมูในประเทศไทย ขณะนี้แม้จะมีเชื้อลูกผสมวนเวียนและไม่เป็นอันตรายอยู่ก็ตาม แต่ยังคงต้องเกาะติดสถานการณ์อย่างสม่ำเสมอต่อเนื่องคอลัมน์ ส่องโรค ไขสุขภาพโดย ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศูนย์ความร่วมมือองค์การอนามัยโลกไวรัสสัตว์สู่คน

อาหารคลายร้อน


สะระแหน่ช่วยผ่อนคลายความร้อน ให้ความเย็นแก่ร่างกาย ขิงและกระเทียมทำให้ร่างกายร้อน จึงไม่เหมาะที่จะเป็นอาหารในฤดูร้อนอากาศในฤดูร้อนมักร้อนจนเหงื่อหยด เราจึงจำเป็นต้องดูแลสุขภาพเป็นพิเศษในฤดูนี้ โดยเฉพาะในเรื่องของอาหารการกินซึ่งควรเป็นอาหารที่ย่อยง่าย ไม่ก่อให้เกิดความร้อนในร่างกายและไม่ทำให้เลือดลมเสียสมดุล อาหารที่จำเป็นก็คือผักและผลไม้สด รวมทั้งการกินโปรตีนจากสัตว์ปีก เช่น ไก่ (ปราศจากสารเร่งการเจริญเติบโต)
ไก่
เนื่องจากโปรตีนจากไก่คล้ายกับโปรตีนในร่างกายมนุษย์ ซึ่งจะช่วยสร้างโปรตีนในร่างกายได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ร่างกายยังย่อยธาตุเหล็กจากเนื้อสัตว์ได้ดีกว่าธาตุเห,กจากพืช และโปรตีนจากไก่ยังมีวิตามินมากมายโดยเฉพาะกลุ่มวิตามินบี เช่น วิตามินบี 1 ซึ่งจำเป็นสำหรับสมอง วิตามินบี 2 เพื่อเสริมสร้างเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน มีวิตามินบี 6 บี 12 สูงและมีไนอาซิน ไก่เป็นแหล่งโปรตีนและวิตามินที่ให้พลังงานน้อย แต่มีสารอาหารสูง ที่สำคัญคือ ควรเลือกไก่ที่ปราศจากสารเร่งการเจริญเติบโตจะดีที่สุด

ผักและผลไม้
ตามหลักการแพทย์แผนจีน แนะนำให้กินอาหารที่ให้ความเย็นแก่ร่างกาย เช่น มะเขือเทศ แตงกวา เต้าหู้ ข้าวโพด ผักโขม กีวี หรือแตงโม

อาหารที่ควรเลี่ยง
ในหน้าร้อนควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ให้ความร้อนแก่ร่างกาย เช่น ขิง กระเทียม เนื้อวัว ส้ม มะพร้าว ลิ้นจี่ ต้นหอม หรือหัวหอมใหญ่ เพราะจะทำให้ร่างกายเสียสมดุลและเกิดการเจ็บป่วย

เต้าหู้บำรุงสุขภาพในหน้าร้อน
เต้าหู้เหมาะกับอากาศร้อนและย่อยง่าย เช่น แกงจืดเต้าหู้ และเหยาะน้ำมันงาลงไปเล็กน้อย มันจะช่วยคลายความร้อนให้ร่างกายและช่วยในการซิ่มแซมร่างกาย

สมุนไพร
ที่เหมาะกับหน้าร้อนก็คือ สะระแหน่ เนื่องจากสะระแหน่ให้ความเย็นแก่ร่างกาย จึงจัดเป็นสมุนไพรเย็น ในขณะที่ขิงจัดเป็นสมุนไพรร้อนเพราะจะทำให้ร่างกายร้อน ซึ่งเหมาะที่จะกินในฤดูหนาวมากกว่า

หุ่นดีด้วยวิธีง๊าย..ง่าย

ก็อย่างที่ทราบ ๆ กันนั่นแหล่ะค่ะว่า ผู้หญิงเรานั้นเรื่องความสวยความงามนั้นยอมกันได้ซะที่ไหน ของแบบนี้ไม่เสียหรอกที่จะยอมกันได้
เพราะฉะนั้นถ้ามีวิธีไหนที่สามารถจะช่วยทำให้เหล่าสาว ๆ ดูดีนั้น ไม่ว่าใครที่ไหนก็ต้องขอลองกันหน่อย สักตั้งก็ยังดี ใช่มั้ยค่ะ วันนี้เราก็เลยเอาวิธีที่จะช่วยให้สาว ๆ เรามีหุ่นดี ด้วยวิธีที่ง่าย ๆ มาฝากค่ะ

วิธีที่ว่านั่นก็คือ ..... การแขม่วท้องค่ะ .....
การแขม่วท้องเป็นการออกกำลังกายที่ง่าย ๆ และทำได้ตลอดเวลา นอกจากเป็นการออกกำลังกายแล้ว ยังเป็นการทำให้คนคนนั้นตระหนักถึงพุงที่ยื่นออกมามากกว่าปกติ แถมยังเป็นการกระตุ้นเตือนให้เราระวังการเอาของแพงๆ ใส่เข้าไปในปากอีกด้วย


ทำไมเข็มขัดลดความอ้วนที่ประกาศขายตามโฆษณาทางโทรทัศน์จึงขายได้ เข็มขัดลดความอ้วนคือการใช้ไฟฟ้ากระตุ้นให้กล้ามเนื้อท้องแข็งแรง คล้ายๆ มีคนมาสะกิดเตือนที่เอวของคนที่ใส่เข็มขัดว่า คุณๆ ลืมไปหรืเปล่า พุงยื่นออกมามากแล้ว สะกิดอยู่บ่อยๆ ก็จะทำให้ผอม
..... ประโยชน์ของการแขม่วท้อง - ขมิบก้น .....
1. เราได้ออกกำลังตลอดทั้งวัน ออกกำลังกายกล้ามท้อง ทำให้ร่างกายได้ใช้พลังงานตลอดเวลา ไม่มีการสะสม 2. ทำให้รู้สึกถึงการบริโภคที่เกินขนาด คล้ายนุ่งกางเกงคับๆ เราจะกินอาหารได้ไม่มาก แต่ถ้านุ่งกางเกงแพรกินข้าว ไม่อึดอัด กินได้มาก3. ระบบขับถ่ายดี การแขม่วท้องแก้ท้องผูกได้ดีมาก คนมีกล้ามท้องจะเป็นคนถ่ายสะดวก สบายท้อง4. การแขม่วท้อง คล้ายการฝึกอานาปานสติ กำหนดลมหายใจ ท้องยุบหนอ พองหนอ รู้สึกที่ท้อง ท้องเป็นจุดรวมของความรู้สึกนึกคิดของคน คนจึนโบราณบอกว่า ปัญญาอยู่ที่พุงหรือที่ท้อง

วันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

วิธีเพิ่มLinK

-เลือกที่ปรับแต่ง
-กดเพิ่ม Gadget













-เลือกที่รายชื่อลิงค์












- พิมพ์ Url ลงในช่อง Urlของไซต์ใหม่











-จากนั้นกดคำว่าเพิ่มลิงค์ แล้วก็จะได้ลิงค์เวปเพิ่มเข้ามา เมื่อเสร็จแล้วให้กดดู Blog

ประโยชน์ของการออกกำลังกาย



ทราบหรือไม่ว่า การออกกำลังนอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังให้ประโยชน์อะไรกับร่างกายอีก วันนี้มีเรื่องนี้มาฝาก...

- ผิวจะดูดีขึ้น การออกกำลังมีผลในแง่บวกหลายอย่างต่อผิว ช่วยเติมสีสันให้พวงแก้ม ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งขึ้นจากการไหลเวียนของโลหิตที่ดีขึ้น และยังทำให้ผิวกระชับขึ้น ซึ่งช่วยป้องกันความหย่อนยานหรือริ้วรอยได้ด้วย

- ขนาดร่างกายจะสมส่วน การออกกำลังเป็นประจำจะช่วยให้เผาผลาญแคลอรีส่วนเกิน และลดน้ำหนักได้ จะค่อย ๆ มีขนาดร่างกายที่เหมาะสมกับส่วนสูง และโครงสร้างร่างกาย จะทำให้มีความมั่นใจเพิ่มขึ้น และก็จะดูดีขึ้นตามไปด้วย

- เส้นผมจะแข็งแรงกว่าเดิม การออกกำลังกายเป็นประจำช่วยให้มีการสูบฉีดโลหิตไปทั่วทุกส่วนของร่างกาย รวมทั้งหนังศีรษะด้วย รากผมจะได้รับอาหารจากเลือดที่เต็มไปด้วยออกซิเจน และช่วยกำจัดอนุมูลอิสระก่อนที่จะทำลายเส้นผม

- ดวงตาจะแจ่มใสขึ้น เป็นผลของการไหลเวียนโลหิตที่ดี จะทำให้ดวงตามีความชุ่มชื้น และแจ่มใส นอกจากนี้ การใช้สายตาจับจ้องไปข้างหน้าตลอดเวลาของการออกกำลัง ทำให้ได้มีการออกกำลังกล้ามเนื้อดวงตา ที่ทำให้แข็งแรงขึ้น

-กล้ามเนื้อจะดูดีขึ้น การออกกำลังแต่ละอย่างจะทำให้กล้ามเนื้อกระชับขึ้น ทำให้ดูเพรียวขึ้น เสื้อผ้าจะเข้ากับรูปร่างได้อย่างสวยงาม และก็จะดูฟิตมากขึ้น

วงกลมกับความรัก

คนเรามายืนและก้าวไปพร้อม พร้อม กันจากจุดเดียวกัน
บางคนอาจจะก้าวไปเร็วกว่าบางคนอาจจะค่อยๆ ก้าว ... ทีละก้าวก็เปรียบเสมือนวงกลมหนึ่งวง ที่ก้าวจากจุดเดียวกัน
. . . และลากเส้นไปในทิศทางเดียวกัน ไม่สามารถลากเส้นมาบรรจบกันได้ถ้าต่างคนต่างที่จะลากเส้นถ้าคนใดคนหนึ่งหยุดอยู่กับที่ . . . แล้วอีกคนหนึ่ง ลากเส้นไป
. . . แล้วพอไม่นานมันก้อจะลากเส้น มาบรรจบกันที่จุดเดิม
เหมือนกับความรัก ที่ต่างคนต่างดิ้นรนแสวงหา
แล้วก็ไม่พบกับสิ่งที่แสวงหา เจอแต่ความว่างเปล่า และความปวดร้าว
ถ้าหยุดอยู่กับที่ . . . ความรักก้อจะวิ่งเข้ามาหา.
ถ้าเราไม่ลากเส้นให้ก้าวต่อไป
ความรักก็เหมือนกับวงกลมหนึ่งวง ถ้าเราก้าวไป
และมีจุดมุ่งหมายอันเดียวกัน
ความรักมันคงจะมาบรรจบกัน ในจุดหนึ่ง จุดใด . . .
ของเส้นวงกลม . . .
ถ้าคนละจุดมุ่งหมาย เส้นที่ลาก ก็จะกลายเป็นวงกลม
คนละวง ที่จะไม่สามารถก้าวมาบรรจบกันอีกเลย . . .
ความรัก ถ้าเรายิ่งวิ่งตาม ยิ่งค้นหา เชื่อได้ว่า สิ่งที่ได้มาคือ . . .
ความผิดหวัง ยิ่งเดินเข้าไป ยิ่งเดินหนี . . .
แต่เชื่อว่า สักวัน ความรัก . . . คงจะเดินเข้ามา

อบไอน้ำให้หน้าสวย



การอบไอน้ำให้ใบหน้า จะช่วยขจัดสิ่งอุดตันภายในรูขุมขน แก้ปัญหาสิวเสี้ยน ทำสัปดาห์ละครั้งจะกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต ช่วยให้ผิวหน้าสะอาดใสและดูเปล่งปลั่ง
ขั้นตอนที่ 1 เตรียมน้ำเดือดจัดใส่ชาม ทิ้งไว้ประมาณ 2 นาที เพื่อให้อุณหภูมิลดลงเหลือประมาณ 80 องศาเซลเซียส ใส่น้ำมะนาวครึ่งผลหรือชาคาโมมายล์ครึ่งถ้วย อาจใส่เอสเซนเชียลออยล์กลิ่นที่ชอบประมาณ 2 หยด เพื่อความผ่อนคลาย
ขั้นตอนที่ 2 อังหน้าเหนือชามประมาณ 20 เซนติเมตร นาน 10 นาที สำหรับคนที่มีปัญหาเส้นเลือดฝอยที่ผิวหน้าให้ลดเวลาลงเหลือ 5 นาที
ขั้นตอนที่ 3 นั่งพักหน้าประมาณ 1 นาที แล้วใช้ผ้าชุบน้ำเย็นซับหน้าเพื่อกระชับรูขุมขน
NooN
จุ๊
แอน